การปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์ พ.ศ.2562 (บังคับใช้ 4 ก.พ.63)
แฟรนไชส์ซอร์ต้องบอก
-ค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ เช่น Franchise Fee Royalty Fee เป็นต้น
-แผนการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ เช่น การให้ความช่วยเหลือ การฝึกอบรม เป็นต้น
-สาระเกี่ยวกับสิทธิเครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร และลิขสิทธ์ เกี่ยวกับช่วงเวลาที่มีผลบังคับใช้
-การต่อสัญญาแฟรนไชส์ การแก้ไข การยกเลิก การเพิกถอน สัญญาแฟรนไชส์
-การขยายสาขาโดยแฟรนไชส์ซอร์เอง ในแต่ละพื้นที่ของแฟรนไชส์ซี
แฟรนไชส์ซีต้องทราบ
-ค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจต่างๆ
-การให้การช่วยเหลือด้านต่างๆรวมถึงการฝึกอบรม
-การได้รับสิทธิต่างๆในการซื้อแฟรนไชส์
-การต่อสัญญา การแก้ไข ยกเลิก ต้องระบุในสัญญาแฟรนไชส์
-การเปิดสาขาใหม่ของแฟรนไชส์ซอร์ในพื้นที่ของตัวเอง
แฟรนไชส์ซอร์ต้องปฏิบัติ
-แฟรนไชส์ซอร์ไม่บังคับแฟรนไชส์ซีให้ซื้อสินค้าที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์ หรือซื้อวัตถุกิบปริมาณมากเกินจริง
-เมื่อมีการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมหลังจากเซ็นสัญญา แฟรนไชส์ซอร์ต้องแจ้งให้แฟรนไชส์ซีทราบเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน
-แฟรนไชส์ซอร์ห้ามตั้งเงื่อนไข โดยไม่มีเหตุอันควร เช่น การห้ามไม่ให้ซื้อ สินค้าและบริการจากผู้จัดจำหน่ายรายอื่นที่มีสินค้าเทียบเท่าหรือสูงกว่า
-แฟรนไชส์ซอร์ห้ามตั้งเงื่อนไข โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เช่น ห้ามแฟรนไชส์ซีขายลดราคาสินค้าที่ใกล้หมดอายุ/เน่าเสียง่าย
-แฟรนไชส์ซอร์ต้องปฏิบัติต่อแฟรนไชส์ซีโดยใช้มาตรฐานเดียวกัน เช่น การกำหนดเงื่อนไขที่แตกต่างระหว่างแฟรนไชส์ซี
-แฟรนไชส์ซอร์ต้องไม่กำหนดเงื่อนไขที่นอกเหนือจากการรักษาคุณภาพ และมาตรฐานแฟรนไชส์
ช่องทางร้องเรียน
ข้อมูลผู้ร้องเรียนจะถูกเก็บเป็นความลับ ผู้ดำเนินการจะเป็น OTCC เองเท่านั้น สามารถทำผ่านหน้าเว็บไซท์ของ OTCC สำนักงานกรรมการการแข่งขันทางการค้า คลิกที่นี่
หรือ
ข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้อง
ผู้ประกอบธุรกิจใดที่ฝ่าฝืนมาตรา 57 ปฎิบัติพฤติกรรมการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ต้องชำระค่าปรับทางปกครอง ในอัตราไม่เกิน ร้อยละ 10 ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด